บริษัทฯ บริหารจัดการโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
(Good Corporate Governance)
คณะกรรมการบริษัท กำหนดนโยบายในการกำกับดูแลกิจการที่ดี และมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและถูกต้องตามกฎหมาย ยึดหลักคุณธรรมและจริยธรรมธุรกิจ เปิดเผยข้อมูลด้วยความโปร่งใสตรงไปตรงมา พัฒนาระบบควบคุมภายใน และกลไกการตรวจสอบที่ดีและเหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ถือหุ้น สถาบันการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ และผู้ที่มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย โดยใช้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG Code) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ยอมรับในประเทศไทย ได้แก่
- ตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบของคณะกรรมการในฐานะผู้นำองค์กรที่สร้างคุณค่า ให้แก่กิจการอย่างยั่งยืน
- กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของกิจการที่เป็นไปเพื่อความยั่งยืน
- เสริมสร้างคณะกรรมการที่มีประสิทธิผล
- สรรหาและพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและการบริหารบุคลากร
- ส่งเสริมนวัตกรรมและการประกอบธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
- ดูแลให้มีระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในที่เหมาะสม
- รักษาความน่าเชื่อถือทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูล
- สนับสนุนการมีส่วนร่วมและการสื่อสารกับผู้ถือหุ้น
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะประกอบธุรกิจโรงแรมที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลอย่างจริงจัง และพร้อมพัฒนาธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาคอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้มีการพิจารณาทบทวนและออกนโยบายและแนวปฏิบัติในการปกป้องระบบเครือข่ายและโปรแกรมช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ (อินเทอร์เน็ต) เพื่อเป็นการกำหนดหลักการและกฎพื้นฐานสำหรับการจัดการความปลอดภัยของข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ตลอดจนการรั่วไหลของข้อมูลภายใน ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2567 และมีการพิจารณาทบทวนนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน นโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืน นโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2567 สำหรับนโยบายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่มีการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ นโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน นโยบายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย จรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ เป็นต้น
ทั้งนี้ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคนเข้าใจและรับทราบนโยบายการกำกับดูแลกิจการ จริยธรรมธุรกิจ จรรยาบรรณคู่ค้าธุรกิจ และนโยบายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยกำหนดให้สายตรวจสอบภายในมีหน้าที่ในการติดตามและตรวจสอบ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ส่งเสริมและสร้างการตระหนักรู้โดยการจัดให้มีการเผยแพร่และสื่อสารให้ทุกคนในองค์กรผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ ตลอดจนกำหนดเป็นหลักสูตรเพื่อการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ และจัดหลักสูตรการอบรมเป็นประจำทุกปี
แนวปฏิบัติด้านบรรษัทภิบาล แบ่งเป็น 8 เรื่องดังนี้
บริษัทฯ กำหนดแผนในการดำเนินธุรกิจตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดีโดยรวบรวมข้อควรปฏิบัติ และจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจที่ดี เหมาะสมและสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์องค์กร มาจัดทำเป็นคู่มือจริยธรรมธุรกิจ และพิจารณาปรับปรุงอยู่เสมอ โดยเผยแพร่ให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน เกิดการรับรู้ การปฏิบัติร่วมกันทั้งองค์กร โดยกำหนดทั้งนโยบายและมาตรการเพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ ได้แก่ การต่อต้านการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม การป้องกันการใช้ข้อมูลภายในเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและระบบสารสนเทศ และกำหนดให้มีการทบทวนกระบวนการที่เกี่ยวข้องเพื่อหาจุดบกพร่องในกระบวนการทำงาน และปรับปรุงไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
โปรดดูรายละเอียดในหัวข้อ “จริยธรรมธุรกิจ”
โครงสร้างคณะกรรมการ
บริษัทฯ กำหนดคุณสมบัติของกรรมการ สอดคล้อง และเข้มกว่าข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี มีขอบเขตอำนาจหน้าที่ชัดเจน มีการถ่วงดุลอำนาจระหว่างกันของกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร ประกอบด้วย ประธานกรรมการบริษัทเป็นคนละคนกับกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยมีบทบาท อำนาจ หน้าที่แบ่งแยกออกจากกันอย่างชัดเจน เพื่อส่งเสริมให้เกิดดุลยภาพระหว่างการบริหารและการกำกับดูแล
คณะกรรมการบริษัท แต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยเพื่อให้มีการแบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจนเหมาะสม และมีนโยบายในการพิจารณาสับเปลี่ยนกรรมการ (Rotation) ในคณะกรรมการชุดย่อย ตามความเหมาะสม โดยประธานคณะกรรมการชุดย่อย มีหน้าที่ในการนำเสนอนโยบายที่ได้รับมติเห็นชอบจากคณะของตนต่อคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการชุดย่อยแต่งตั้งเลขานุการ เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบในการติดตาม และประสานงานระหว่างกรรมการกับฝ่ายจัดการ เพื่อให้แน่ใจได้ว่ามีการปฏิบัติตามนโยบายที่วางไว้ และบันทึกรายงานการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร
ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 คณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วยกรรมการ 11 คน และคณะกรรมการชุดย่อย 4 คณะ ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี นับจากวันที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ อายุเฉลี่ยของกรรมการรวมทั้งคณะ 55 ปี ทั้งนี้ การพิจารณาคุณสมบัติกรรมการไม่มีการเลือกปฏิบัติในเรื่อง ถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ ผิว เพศ ภาษา ศาสนา สัญชาติ
โดยในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นทุกครั้งกรรมการจะต้องออกจากตำแหน่งไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด ทั้งนี้ กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้
องค์ประกอบคณะกรรมการบริษัท
ทักษะ/ความเชี่ยวชาญ
คณะกรรมการบริษัท มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย และข้อพึงปฏิบัติของผู้บริหาร ครอบคลุมถึงหน้าที่ และภารกิจหลักโดยให้ฝ่ายจัดการมีอิสระในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การบริหารตามวัตถุประสงค์ และพันธกิจของบริษัทฯ และเสนอขออนุมัติแผนจากคณะกรรมการบริษัท
คณะกรรมการชุดย่อย ได้แก่
1) คณะกรรมการตรวจสอบ ประกอบด้วย กรรมการอิสระ 3 คน ที่มีความรู้ทางด้านบัญชี การเงิน และลักษณะการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ อย่างเพียงพอเพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบการสอบทานรายงานทางการเงิน สอบทานความเพียงพอของระบบควบคุมภายใน และติดตามการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง พิจารณาความเป็นอิสระของหน่วยงานตรวจสอบภายใน ให้ความเห็นชอบการแต่งตั้ง/โยกย้าย/เลิกจ้าง หัวหน้าสายงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเลขานุการ สอบทานการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎเกณฑ์ และระเบียบที่เกี่ยวข้อง พิจารณาคัดเลือก/แต่งตั้ง/ถอดถอน และเสนอค่าตอบแทนผู้สอบบัญชี พิจารณาสอบทาน และเปิดเผยข้อมูลการทำรายการที่เกี่ยวโยงกันให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดอย่างครบถ้วน โปร่งใส
2) คณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย กรรมการ 6 คน มีหน้าที่รับผิดชอบในการพิจารณาและกำหนดทิศทางธุรกิจและแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ กลั่นกรองโครงการลงทุนตามแผนกลยุทธ์ พิจารณาความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโครงการ รวมถึงตรวจสอบ ควบคุมให้มั่นใจว่านโยบายบริหารความเสี่ยงของบริษัทครอบคลุมความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และมีการจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ และพิจารณาทบทวนกรอบการบริหารความเสี่ยงและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
3) คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล ประกอบด้วย กรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร 3 คน มีหน้าที่รับผิดชอบในการพิจารณาโครงสร้างคณะกรรมการบริษัท กำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง พิจารณาและสรรหาบุคคลผู้ทรงคุณวุฒิเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ ตลอดจนพิจารณาหลักเกณฑ์การกำหนดค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผลของกรรมการบริษัท และประเมินผลงานของคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการชุดย่อย โดยกำกับดูแลให้กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี และจริยธรรมธุรกิจ
4) คณะกรรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและกำหนดค่าตอบแทน ประกอบด้วย กรรมการที่ไม่ได้เป็นผู้บริหาร 3 คน มีหน้าที่รับผิดชอบในการนำเสนอนโยบายเพื่อพัฒนา ประเมินความรู้ความสามารถ และกำหนดค่าตอบแทนของผู้บริหารระดับสูง จัดทำแผนสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนพิจารณานโยบายการบริหารทรัพยากรบุคคล
โดยมีคณะกรรมการชุดย่อยระดับบริหาร เพื่อสนับสนุนการทำงานของฝ่ายจัดการให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและเข้มแข็ง ดังนี้
1) คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ประกอบด้วย ผู้บริหาร 9 คน โดยมี นายยูเซฟ อิล คัมริ กรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นประธาน มีหน้าที่รับผิดชอบพิจารณาแผนบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ ติดตามและกำหนดแนวทางการบริหารความเสี่ยงตลอดจนมาตรการรองรับผลกระทบ อีกทั้งกำกับดูแลจัดการภาวะวิกฤตและสามารถตอบสนองความเสี่ยงในเชิงรุกได้อย่างทันท่วงที
2) คณะกรรมการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย ผู้บริหาร 11 คน โดยมี นายยูเซฟ อิล คัมริ กรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ เป็นประธาน มีหน้าที่รับผิดชอบกำกับดูแลการขับเคลื่อนนโยบายและการดำเนินงานด้านการพัฒนาความยั่งยืน มีความคล่องตัวและเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลทั่วทั้งองค์กร โดยกำหนดให้สายพัฒนาความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร และฝ่ายงานที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นผู้ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กรในระดับปฏิบัติการ
3) คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ประกอบด้วย ผู้บริหารที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าสายงาน 7 คน เพื่อให้การกำกับดูแลและขับเคลื่อนนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กร และเพื่อให้โปรแกรมการคุ้มครองความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยแต่งตั้งนางสาวสุวิมล โรจน์กังสดาล เป็นเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการชุดย่อย
โปรดดูรายละเอียดในหัวข้อ “อำนาจหน้าที่รับผิดชอบ”
คณะกรรมการบริษัท มีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย และข้อพึงปฏิบัติของผู้บริหาร ครอบคลุมถึงหน้าที่ และภารกิจหลัก โดยให้ฝ่ายจัดการมีอิสระในการกำหนดแผนยุทธศาสตร์การบริหารตามวัตถุประสงค์ และพันธกิจของบริษัทฯ และเสนอขออนุมัติแผนจากคณะกรรมการบริษัท ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของฝ่ายจัดการ คณะกรรมการบริษัท กำหนดให้มีการแบ่งแยกบทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ออกจากกันอย่างชัดเจน โดยเลือกกรรมการหนึ่งคนเป็นประธานกรรมการ ซึ่งต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกับกรรมการผู้จัดการใหญ่
หน้าที่ของประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
- เรียกประชุมคณะกรรมการบริษัท และทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท และที่ประชุมผู้ถือหุ้น ควบคุมให้การประชุมคณะกรรมการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามกฎหมาย และหน่วยงานกำกับดูแล ตลอดจนการลงคะแนนเสียงชี้ขาด ในกรณีที่ประชุมมีการลงคะแนนเสียง 2 ข้างเท่ากัน ประธานกรรมการจะงดออกเสียงในวาระที่มีส่วนได้เสีย
- ส่งเสริมและสนับสนุนให้กรรมการทุกคนได้แสดงความเห็นอย่างเป็นอิสระ เพื่อผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นโดยส่วนรวม ตลอดจนเสริมสร้างกระบวนการตัดสินใจของกรรมการให้มีความรับผิดชอบ และมีจริยธรรม
- ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ให้ร่วมกันกำกับดูแลองค์กร ให้เกิดประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลัก โดยเป็นไปเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของบริษัท ผู้ถือหุ้น และกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย
- กำกับดูแลและพิจารณาทบทวน ความเหมาะสมด้านโครงสร้าง และประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการชุดย่อย
- เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรรมการบริษัทกับฝ่ายจัดการ และสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายจัดการ และเลขานุการบริษัท ให้ประสานร่วมมือกันทำงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
คณะกรรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและกำหนดค่าตอบแทน มีหน้าที่รับผิดชอบในการนำเสนอนโยบายเพื่อพัฒนา ประเมินความรู้ความสามารถ และเสนอให้คณะกรรมการบริษัท แต่งตั้งผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่
หน้าที่ของกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
- จัดทำทิศทางธุรกิจและแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวขององค์กรร่วมกับคณะกรรมการบริหาร เพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติ
- จัดทำแผนธุรกิจและกำหนดกลยุทธ์เพื่อให้บรรลุแผนยุทธศาสตร์ขององค์กรในระยะยาว
- จัดทำงบประมาณประจำปีและจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ตามแผนธุรกิจ และรับผิดชอบในการดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายประจำปีที่วางไว้
- บริหารจัดการทรัพยากรบุคคล ตั้งแต่การสรรหา การกำหนดเงินเดือน ค่าจ้าง ผลตอบแทนและสวัสดิการต่างๆ กำหนดวิธีประเมินผลและจัดสรรผลประโยชน์พิเศษ การแต่งตั้ง ถอดถอน โอนย้าย ตลอดจนการออกกฎระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศต่างๆ ตามความเหมาะสม
- จัดโครงสร้างบริหารงาน กำหนดบทบาทและหน้าที่ ตลอดจนกำหนดอำนาจอนุมัติต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับคุณสมบัติของบุคลากรและสถานการณ์ทางธุรกิจ
- พัฒนาระบบงานต่างๆ เพื่อให้การทำงานของหน่วยงานต่างๆ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
- เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เข้มแข็งเพื่อสนับสนุนการเป็นองค์กรที่ยั่งยืน
- พัฒนาทักษะความรู้และขีดความสามารถของบุคลากรตามความต้องการของแผนธุรกิจ ส่งเสริมตลอดจนพัฒนาแผนสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารที่สำคัญในทุกระดับ
- พัฒนาฐานข้อมูลและระบบการจัดเก็บที่เพียงพอและทันสมัยตลอดจนระบบการเรียกใช้และการแสดงผลอย่างมีประสิทธิภาพ
- เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรและประชาสัมพันธ์องค์กร ตลอดจนทำหน้าที่เป็นตัวแทนขององค์กรในกิจกรรมต่างๆ ต่อบุคคลภายนอก
- พัฒนาและเสริมสร้างการเป็นองค์กรที่ยึดถือและปฏิบัติตามหลักบรรษัทภิบาลที่ดี และบุคลากรมีสำนึกความรับผิดชอบต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ตลอดจนสังคมและสิ่งแวดล้อม
เลขานุการบริษัท มีหน้าที่ความรับผิดชอบไม่น้อยกว่าที่พระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2551 กำหนด และ/หรือ กฎหมาย หรือข้อกำหนดอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประกอบด้วย
หน้าที่ของเลขานุการบริษัท มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ ดังนี้
- สนับสนุนให้คณะกรรมการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ และความระมัดระวัง เยี่ยงวิญญูชนผู้ประกอบธุรกิจจะพึงกระทำภายใต้สถานการณ์อย่างเดียวกัน ตลอดจนให้คำปรึกษาแก่กรรมการ ฝ่ายจัดการ และพนักงานให้ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับของบริษัทและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- จัดทำและจัดเก็บเอกสารสำคัญให้ถูกต้อง ครบถ้วนตามกฎหมาย ประกอบด้วย ทะเบียนกรรมการ หนังสือนัดประชุมคณะกรรมการ เอกสารประกอบและรายงานการประชุมคณะกรรมการ หนังสือนัดประชุมผู้ถือหุ้น และรายงานการประชุมผู้ถือหุ้น รวมถึง 56-1 One report ของบริษัท
- รวบรวมเอกสารประกอบการประชุมคณะกรรมการบริษัท และผู้ถือหุ้นเรื่องสำคัญตามที่กฎหมายกำหนดหรือเรื่องที่อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท จากฝ่ายจัดการให้คณะกรรมการได้รับข้อมูล เอกสารประกอบที่เพียงพอและเหมาะสม ในการกลั่นกรองเอกสารก่อนการประชุมคณะกรรมการ และสอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- สนับสนุนให้คณะกรรมการบริษัทดำเนินการให้บริษัทมีระบบการจัดการข้อมูลลับที่อาจมีผลต่อราคาหลักทรัพย์ที่ดี เพื่อไม่ให้เกิดกรณีข้อมูลที่มีนัยสำคัญของบริษัทรั่วไหล หรือถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางมิชอบ
- ติดตามประสานงานให้กรรมการ และผู้บริหารรายงานการมีส่วนได้เสีย เพื่อส่งเสริมให้การดำเนินการของบริษัทจดทะเบียนเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ
- จัดให้มีการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ ของกรรมการ ผู้บริหาร รวมถึงผู้มีอำนาจควบคุมดูแลการทำบัญชี ให้ถูกต้องตามกฎระเบียบและข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- แนะนำและส่งเสริมให้บริษัทฯ มีระบบการจัดการข้อมูลที่ดี รวมถึงให้กรรมการ ผู้บริหาร รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยจัดทำสรุปการถือครองหลักทรัพย์ ให้ที่ประชุมคณะกรรมการรับทราบทุกครั้ง
- จัดทำแบบแสดงข้อมูลประจำปี (56-1 One Report) ให้เพียงพอต่อการเผยแพร่แก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง
- ดูแลให้มีการเปิดเผยข้อมูล และรายงานสารสนเทศในส่วนที่รับผิดชอบต่อหน่วยงานที่กำกับดูแลตามระเบียบและข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- ปฏิบัติหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องตามที่คณะกรรมการบริษัท และ/หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์ และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะกำหนด
บริษัทฯ กำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการชุดย่อย โดยการนัดหมายและแจ้งให้กรรมการ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทราบล่วงหน้าตลอดทั้งปี ในเดือนตุลาคมของปีก่อนหน้า เพื่อให้กรรมการทุกท่านสามารถวางแผนการเข้าร่วมประชุมได้ ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง ดร. กุลภัทรา สิโรดม กรรมการอิสระ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบ ร่วมพิจารณากำหนดวาระการประชุม และกำหนดวาระให้กรรมการอิสระได้ประชุมร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นอย่างอิสระ โดยไม่มีผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายจัดการอยู่ร่วมในที่ประชุม
การประชุมคณะกรรมการบริษัท ทุกครั้งต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 7 คน จึงนับเป็นครบองค์ประชุม และในการลงมติใดๆ ต้องมีกรรมการอยู่ในที่ประชุมไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการทั้งคณะ โดยมติที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติจะต้องมีกรรมการลงมติเห็นด้วยไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งขององค์ประชุม หากมีคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานกรรมการมีอำนาจในการลงคะแนนเสียงเพื่อชี้ขาด และกำหนดให้การประชุมคณะกรรมการชุดย่อยทุกคณะจะต้องมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของกรรมการทั้งคณะ และการลงมติต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการที่เข้าร่วมประชุม
ปี 2567 บริษัทฯ มีการประชุมคณะกรรมการบริษัท 9 ครั้ง คณะกรรมการตรวจสอบ 4 ครั้ง คณะกรรมการบริหาร 11 ครั้ง คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล 4 ครั้ง และคณะกรรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและกำหนดค่าตอบแทน 3 ครั้ง ทุกครั้งมีการจดบันทึกรายงานการประชุมไว้เป็นลายลักษณ์อักษร และเก็บไว้บน erwgroup.sharepoint.com ซึ่งกำหนดสิทธิ์ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายในสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวก
นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบ จัดให้มีการประชุมระหว่างกรรมการอิสระด้วยกันเอง และผู้สอบบัญชี เพื่อสอบถามและรับทราบข้อมูลจากผู้สอบบัญชีว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคในการทำงานของผู้สอบบัญชีอย่างตรงไปตรงมา ในการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ ครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งผู้สอบบัญชีรายงานว่าไม่พบอุปสรรคในการสอบทานและตรวจสอบงบการเงิน และคณะกรรมการบริษัท จัดให้มีการประชุมระหว่างคณะกรรมการบริษัท โดยไม่มีผู้บริหารที่ดำรงตำแหน่งกรรมการ และผู้บริหารอื่นในระดับรองลงมาจากกรรมการผู้จัดการใหญ่ ในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 9/2567 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2567 เพื่อเปิดโอกาสให้กรรมการ แสดงความเห็นต่อการทำงานของฝ่ายจัดการได้อย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา และแจ้งให้กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ผู้บริหารสูงสุด) ทราบด้วยวาจาไม่พึงเปิดเผย จึงไม่มีการบันทึกไว้ในรายงานการประชุม
เลขานุการบริษัทจัดส่งแบบประเมินคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการชุดย่อย และแบบประเมินตนเองให้กรรมการทุกคนผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และ QR Code เพื่อให้กรรมการประเมินผลงานทุกปี และเพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน โดยการประเมินฯ ได้ปรับมาจากแบบประเมินของฝ่ายพัฒนาธรรมาภิบาลเพื่อตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับลักษณะการประกอบธุรกิจ และครอบคลุมการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการชุดย่อย ฝ่ายจัดการ และเลขานุการบริษัท เมื่อกรรมการแต่ละท่านตอบแบบประเมินครบแล้ว เลขานุการจะรวบรวมคะแนนและสรุปผลการประเมิน นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล ก่อนนำเสนอคณะกรรมการบริษัท เพื่อร่วมกันหารือและนำผลการประเมินไปพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการต่อไป
เกณฑ์การประเมิน
การวัดผลประเมินตามความคาดหวัง | การวัดประสิทธิผลเทียบกับปีก่อน |
---|---|
1 = ปรับปรุง | 1 = แย่กว่าปีก่อน |
2 = ต่ำกว่าความคาดหวัง | 2 = เท่ากับปีก่อน |
3 = เป็นไปตามความคาดหวัง | 3 = ดีกว่าปีก่อน |
4 = สูงกว่าความคาดหวัง |
สรุปผลการประเมินตามความคาดหวังและการวัดประสิทธิผลเทียบกับปีก่อน ดังนี้
ผู้ประเมิน | ปี 2567 | ปี 2566 | การวัดประสิทธิผล | |||
---|---|---|---|---|---|---|
เท่ากับปีก่อน | ดีกว่าปีก่อน | |||||
คณะกรรมการบริษัท | 82% | 82% | 58% | 42% | ||
คณะกรรมการตรวจสอบ | 79% | 79% | 67% | 33% | ||
คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล | 75% | 75% | 100% | - | ||
คณะกรรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและกำหนดค่าตอบแทน | 75% | 75% | 100% | - | ||
คณะกรรมการบริหาร | 79% | 75% | 50% | 50% | ||
การประเมินตนเองรายคน | 75% | 73% | 92% | 8% |
สรุปผลการประเมินคณะกรรมการ ในปี 2567 อยู่ในเกณฑ์ดี ด้วยผลคะแนนร้อยละ 82 คณะกรรมการเห็นว่า โครงสร้าง และองค์ประกอบของกรรมการมีความเหมาะสม มีกรรมการอิสระที่เพียงพอทำให้มีการถ่วงดุลอำนาจแบบสมดุล กรรมการเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตน มีความอิสระในการตัดสินใจโดยไม่ถูกครอบงำโดยบุคคลใดบุคคลหนึ่ง กรรมการทุกคนปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบในการดูแลการบริหารกิจการให้เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฝ่ายจัดการ สามารถหารือกันได้อย่างตรงไปตรงมา มีการพัฒนาตนเองและพัฒนาผู้บริหารอย่างเหมาะสม ทำให้มีความเข้าใจในธุรกิจอย่างเพียงพอ สำหรับข้อเสนอแนะที่ได้รับจากกรรมการ คณะกรรมการบริษัท ได้นำมาพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ ฝ่ายจัดการ และเลขานุการบริษัท ให้มีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
การสรรหากรรมการ
คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล มีหน้าที่ในการพิจารณาโครงสร้างคณะกรรมการ กำหนดคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง พิจารณาและสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อเสนอขอแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการ ตามข้อบังคับของบริษัทฯ ข้อที่ 19 กำหนดไว้ว่าในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีทุกครั้ง ให้กรรมการออกจากตำแหน่งจำนวนหนึ่งในสาม (1 ใน 3) ถ้าจำนวนกรรมการแบ่งออกให้ตรงสามส่วนไม่ได้ให้ออกโดยจำนวนใกล้ที่สุดกับ หนึ่งในสาม (1 ใน 3) และกรรมการซึ่งพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับเลือกตั้งใหม่ได้
เกณฑ์การพิจารณา
คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล พิจารณาสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติครบตามคุณสมบัติกรรมการของบริษัท เหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อให้ได้กรรมการผู้มีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ และบุคคลที่จะเสนอชื่อเป็นกรรมการอิสระต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกรรมการอิสระ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง มีคุณธรรมและมีความรับผิดชอบ สามารถปฏิบัติ หน้าที่ด้วยความระมัดระวัง (Duty of Care) และซื่อสัตย์สุจริต (Duty of Loyalty) ภายใต้หลักเกณฑ์การสรรหาและแต่งตั้งกรรมการบริษัทฯ ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อรับรองและเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ และเมื่อได้รับการแต่งตั้ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการบริษัท จะจัดให้มีการปฐมนิเทศบรรยายสรุป (Briefing) เพื่อให้กรรมการเข้าใจแนวทางการดำเนินธุรกิจ และแผนยุทธศาสตร์องค์กร
ค่าตอบแทนกรรมการ
คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล ทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายการจ่ายค่าตอบแทนของกรรมการ โดยมีการพิจารณาทบทวนความสมเหตุสมผลของการจ่ายค่าตอบแทน ตามขอบเขตอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบ สถานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เปรียบเทียบกับบริษัทในกลุ่มธุรกิจ และระดับรายได้ที่ใกล้เคียงกันทุกปี โดยกำหนดให้มีการจ่ายค่าตอบแทน 3 รูปแบบคือ ค่าตอบแทนประจำ ค่าเบี้ยประชุม และบำเหน็จกรรมการ (โบนัส) อย่างไรก็ตาม กรรมการที่ได้รับมอบหมายให้เป็นกรรมการในคณะกรรมการชุดย่อย จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มตามความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น และเสนอขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเป็นประจำทุกปี
การสรรหาผู้บริหารระดับสูง
คณะกรรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและกำหนดค่าตอบแทน มีหน้าที่สรรหาและจัดทำแผนสืบทอดตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยกำหนดทักษะ ความรู้ความสามารถ และศักยภาพของบุคคลที่จะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง เพื่อเสนอขอให้คณะกรรมการบริษัท แต่งตั้งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทั้งนี้ บุคคลดังกล่าวต้องเป็นคนละคนกับประธานกรรมการบริษัท เพื่อให้มีการถ่วงดุลอำนาจอย่างเหมาะสม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ป้องกันไม่ให้การดำเนินธุรกิจหยุดชะงัก
สำหรับการพัฒนาตำแหน่งบริหารอื่นเป็นหน้าที่ของผู้บริหารตามสายบังคับบัญชาที่จะกำกับดูแลการพัฒนาบุคลากรให้สามารถขึ้นมาทดแทนได้โดยมีการพิจารณาลงไป 3 ระดับจากระดับรองกรรมการผู้จัดการ ถึงผู้ที่จะขึ้นมาระดับผู้อำนวยการฝ่าย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายอำนาจในการตัดสินใจจากบนสู่ล่าง สร้างความเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรและเป็นกลไกในการรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพ
ค่าตอบแทนผู้บริหารและพนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและกำหนดค่าตอบแทน ทำหน้าที่ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 4 ด้าน คือ ด้านการเงิน ด้านความพึงพอใจของลูกค้า ด้านกระบวนการภายใน และด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาองค์กร เพื่อประกอบในการพิจารณากำหนดโครงสร้างค่าตอบแทนและค่าตอบแทนประจำปีให้กับผู้บริหารและพนักงานตามสายงาน
กรรมการผู้จัดการใหญ่ พิจารณาจ่ายค่าตอบแทนผู้บริหาร โดยผ่านกระบวนการการประเมินผล 2 ส่วนคือ
1. การประเมินผลงานตามยุทธศาสตร์ (BSC - Balanced Scorecard) เป็นการพิจารณาตามความสำคัญของยุทธศาสตร์ของสายงานต่อยุทธศาสตร์ขององค์กร ผ่านกระบวนการถ่ายทอดเชื่อมโยงยุทธศาสตร์จากระดับองค์กรลงสู่ระดับต่างๆ 3 ระดับ ได้แก่ ยุทธศาสตร์องค์กร ยุทธศาสตร์สายงาน และยุทธศาสตร์ฝ่ายงาน
2. การประเมินผลงานเชิงทักษะและเชิงพฤติกรรม (CSB - Competency Skill Behavior) ที่สนับสนุนวัฒนธรรมองค์กร การประเมินเป็นรายบุคคล โดยผู้บังคับบัญชาโดยตรง ซึ่งจะมีหัวข้อการประเมินตามนโยบายของบริษัทฯ และแตกต่างกันตามที่ผู้บังคับบัญชาระดับสายงานเป็นผู้กำหนด และเพื่อให้การประเมินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีข้อมูลประกอบจากผู้ร่วมงานในระดับต่างๆ การประเมินจึงทำในลักษณะ 360 องศา โดยให้ผู้บังคับบัญชาประเมินผู้ใต้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชาประเมินผู้บังคับบัญชา และให้มีการประเมินตนเองทุกระดับ
ผลการประเมินทั้ง 2 ส่วนนำมาเป็นเครื่องมือในการกระจายผลตอบแทนรวมขององค์กรสู่ระดับสายงาน ฝ่ายงานและส่วนงาน
การพัฒนาตนเองของกรรมการและการพัฒนาผู้บริหาร ในรอบปี 2567
1. ดร. พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ เข้าอบรมหลักสูตรจากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai-IOD) ได้แก่
- DCP: Director Certification Program รุ่นที่ 360/2567
- AACP: Advanced Audit Committee Program รุ่นที่ 54/2567
2. นางสาวกนกวรรณ ทองศิวะรักษ์ รองประธานอาวุโส หัวหน้าสายตรวจสอบภายใน และเลขานุการ คณะกรรมการตรวจสอบ เข้าอบรมหลักสูตรวุฒิบัตรผู้บริหารหน่วยงานตรวจสอบภายใน รุ่นที่ 5/2567 (CAE - Chief Audit Executive Professional Leadership Program Class 5/2024) จากสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์
3. หลักสูตรแบ่งปันความรู้ให้กับกรรมการและคณะผู้บริหาร (Knowledge Sharing Initiatives for Board Members and Executives) โดยเชิญนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสันทนาการจากหน่วยงานศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (SCBEIC “Economic Intelligence Center”) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ได้แก่ ดร. สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดร. กมลมาลย์ แจ้งล้อม นักวิเคราะห์อาวุโส และ นายปุญญภพ ตันติปิฎก นักวิเคราะห์อาวุโส มาให้ความรู้ในหัวข้อ Tourism and Hotel Outlook 2025 และ Opportunities and Challenges โดยคณะกรรมการบริษัท ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท และคณะผู้บริหาร เข้าร่วม 24 คน
4. การสัมมนาเชิงปฏิบัติการสำหรับผู้บริหารระดับสายงาน โดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสร้างนวัตกรรมในองค์กรขนาดใหญ่จาก บริษัท มายด์โดโจ จำกัด ได้แก่ คุณทรงภัทร สนิทวงศ์ มาให้ความรู้ในหัวข้อ LEGO SERIOUS PLAY Real Time Strategy and Creanovation (LSP) โดยมีคณะผู้บริหารของบริษัทฯ และบริษัทย่อย เข้าร่วม 27 คน
โปรดดูรายละเอียดที่ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน”
คณะกรรมการบริษัท คำนึงถึงสิทธิของผู้ถือหุ้นโดยไม่จำกัดเฉพาะสิทธิขั้นพื้นฐานที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ได้แก่ การซื้อขายหรือโอนหุ้น การมีส่วนแบ่งในกำไร การได้รับข่าวสารข้อมูลของบริษัทฯ อย่างเพียงพอ การเข้าร่วมประชุมเพื่อใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแต่งตั้ง/ถอดถอนกรรมการ แต่งตั้งผู้สอบบัญชี ภายใต้ข้อกําหนดของหน่วยงานกำกับดูแลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการใดๆ คณะกรรมการบริษัท จะคำนึงถึงสิทธิและผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นพึงได้รับเป็นสำคัญ ทั้งนี้ ในการจัดประชุมผู้ถือหุ้น คณะกรรมการบริษัท ได้กำกับดูแลการให้ข้อมูล วัน เวลา สถานที่ และวาระการประชุม ตลอดจนเอกสารข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ต้องตัดสินใจ และแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบกฎเกณฑ์ที่ใช้ในการประชุม รวมถึงขั้นตอนการออกเสียงลงมติที่ไม่ยุ่งยาก
คณะกรรมการบริษัท เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเสนอวาระการประชุมและกรรมการล่วงหน้า ในเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ก่อนการพิจารณากำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี โดยกำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจนและเผยแพร่ไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นสามารถส่งเอกสารเพื่อเสนอวาระการประชุมล่วงหน้า
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัท สนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นใช้หนังสือมอบฉันทะแบบ ข. ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นสามารถกำหนดทิศทางการลงคะแนนเสียง โดยมีชื่อและข้อมูลของกรรมการอิสระ เพื่อเป็นทางเลือกในการมอบฉันทะของผู้ถือหุ้น และกำหนดให้มีการเผยแพร่ข้อมูลไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 28 วันก่อนวันประชุม และจัดส่งเอกสารให้ทันเวลาเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้มีเวลาศึกษาข้อมูลประกอบการประชุมล่วงหน้าอย่างเพียงพอ ในระหว่างการประชุม บริษัทฯ ให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนการนำเสนอ ไม่มีการรวม เพิ่ม หรือสลับวาระแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวาระแต่งตั้งกรรมการ บริษัทฯ เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นมีสิทธิแต่งตั้งกรรมการภายใต้ข้อมูลที่เพียงพอเป็นรายบุคคล และบันทึกผลการลงมติไว้เป็นหลักฐานครบทั้งเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง และหากตรวจสอบแล้วพบว่าการลงมติไม่สมบูรณ์จะนับเป็นบัตรเสีย
ในการประชุมผู้ถือหุ้นทุกครั้ง ประธานกรรมการบริษัท ประธานคณะกรรมการชุดย่อย กรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เข้าร่วมประชุมครบทุกคนเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นแสดงความเห็น และสามารถซักถามต่อที่ประชุมในเรื่องที่เกี่ยวข้อง และมีเวลาให้ซักถามอย่างเพียงพอเหมาะสมแต่ไม่ได้ทำให้ระยะเวลาในการประชุมนานเกินไป โดยจะสรุปประเด็นคำถามคำตอบที่มีสาระสำคัญและเกี่ยวเนื่องกับวาระที่เสนอต่อที่ประชุม มติของที่ประชุม และผลการลงมติไว้ในรายงานการประชุม โดยเผยแพร่รายงานการประชุมภายในกำหนด 14 วันนับจากวันประชุม พร้อมวีดีทัศน์บรรยากาศในการประชุมบนเว็บไซต์ของบริษัทฯ
นอกเหนือจากความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริษัท ต่อผู้ถือหุ้นดังกล่าวข้างต้นแล้ว คณะกรรมการบริษัท ได้กำหนดนโยบายความรับผิดชอบระดับบริษัทที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบที่มีต่อผู้ถือหุ้นด้วย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- บริหารจัดการบริษัทฯ ให้เป็นสถาบันที่มีคุณภาพ ยึดมั่นในความถูกต้อง สร้างความเข้มแข็ง และความเจริญเติบโตที่ยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว
- ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสามารถ และความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชนผู้ประกอบธุรกิจพึงกระทำภายใต้สถานการณ์อย่างเดียวกัน
- ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต และเป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อย และเพื่อผลประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้องโดยรวม
- จัดการดูแลไม่ให้ทรัพย์สินของบริษัทฯ ต้องสูญค่าหรือสูญเสียไปโดยไม่เกิดประโยชน์
- รายงานสถานะและผลการดำเนินงานของบริษัทฯ อย่างถูกต้องสม่ำเสมอ และครบถ้วนตามความเป็นจริง
- ไม่เปิดเผยสารสนเทศที่เป็นความลับของบริษัทฯ ต่อผู้อื่นโดยมิชอบ
- ไม่ดำเนินการใดๆ ในลักษณะซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์โดยมิได้แจ้งให้บริษัทฯ ทราบ
- เคารพสิทธิ และความเท่าเทียมกันของผู้ถือหุ้นทุกราย ทั้งผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้บริหาร และผู้ถือหุ้นที่ไม่เป็นผู้บริหาร รวมทั้งผู้ถือหุ้นต่างชาติ ให้ได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกัน
บริษัทฯ แต่งตั้งหน่วยงานดูแลผู้ลงทุนสัมพันธ์ เพื่อทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลที่สำคัญของบริษัทฯ ไว้อย่างครบถ้วนและเพียงพอที่ผู้ลงทุนรายย่อย/สถาบัน ผู้ถือหุ้น นักวิเคราะห์ และภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องสามารถติดต่อได้โดยตรงที่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2 ชั้นที่ 6 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ ถนนสุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 หรือค้นหารายละเอียด และข่าวสารได้ทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน ir@theerawan.com
บริษัทฯ ให้สิทธิการเข้าถึงข้อมูลของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย กำหนดแนวทาง และข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้บริหาร และพนักงาน เมื่อต้องติดต่อสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถติดต่อกับคณะกรรมการบริษัท คณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล เพื่อให้ข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ โดยตรงที่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2 ชั้นที่ 6 อาคารเพลินจิต เซ็นเตอร์ ถนนสุขุมวิท คลองเตย กรุงเทพฯ 10110 หรือติดต่อที่สายเลขานุการบริษัทและบรรษัทภิบาล gcg@theerawan.com ข้อมูลที่ได้รับถือเป็นความลับส่งตรงให้กับคณะกรรมการบริษัท
คณะกรรมการสรรหาและบรรษัทภิบาล มีหน้าที่ในการกำกับดูแลให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับปฏิบัติตามแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดี และจริยธรรมธุรกิจ โดยมีเลขานุการ เป็นผู้ช่วยในการประสานติดตาม และรายงานผลเพื่อให้มีการรวบรวม เผยแพร่ข้อมูลต่อผู้ถือหุ้น ผ่านช่องทางการสื่อสารภายใน และภายนอกองค์กร
- รักษาความลับไม่ให้รั่วไหล และไม่เปิดเผยข้อมูลสารสนเทศที่เป็นความลับของบริษัทฯ ให้บุคคลภายนอกโดยตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่
- ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้อมูลทางการเงิน และ/หรือข้อมูลอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ห้ามทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ภายในช่วงเวลา 30 วัน ก่อนวันที่เปิดเผยผลการดำเนินงานหรือรายการทางธุรกิจต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
- ผู้บริหารสี่รายแรกรองจากกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีต้องรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าภายใน 3 วันทำการ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด
- ละเว้นหรือหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นต่อบุคคลภายนอก หรือสื่อมวลชนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ โดยตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่
- ไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ และ/หรือข้อมูลที่ได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่แสวงหาประโยชน์เพื่อตนเอง และผู้อื่นโดยมิชอบ
- ไม่ดำเนินการใดๆ หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำหรือปกปิดการกระทำใดๆ ในลักษณะซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ หรืออาจทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยความยุติธรรมหรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกปิดการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย
- ไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการเรียกร้อง หรือรับสิ่งของ ของขวัญ ของกำนัลหรือผลประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่นที่มีหน้าที่หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ยกเว้นในโอกาสอันควรตามธรรมเนียมปฏิบัติโดยทั่วไป ซึ่งไม่ควรมีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท (สามพันบาท) หากไม่สามารถปฏิเสธได้ให้เปิดเผยและนำส่งของไว้ที่สายเลขานุการบริษัทและบรรษัทภิบาล
- ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจาธุรกิจที่มีมูลค่าเกิน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาท) ให้เปิดเผยลักษณะความสัมพันธ์ส่วนบุคคลของตนเอง/คู่สมรส และญาติสนิท ตามแบบเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลส่งให้สายเลขานุการบริษัทและบรรษัทภิบาล เพื่อเสนอความเห็นต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ และควรหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือ และให้มีพนักงานเข้าร่วมเจรจาด้วยอย่างน้อย 1 คน
- การเจรจาที่เกี่ยวกับการประมูลงานให้จัดประชุมที่สำนักงานของบริษัทฯ เท่านั้น ยกเว้น กรณีจำเป็น ให้แจ้งสายเลขานุการบริษัทและบรรษัทภิบาลล่วงหน้า และให้มีผู้แทนจากคณะกรรมการประมูลงานร่วมอยู่ด้วยอย่างน้อย 1 คน
- ไม่ใช้หรือให้ข้อมูล หรือชี้แนะใดๆ เกี่ยวกับรายละเอียดของการดำเนินงาน ที่มีผลให้ผู้เสนอราคาหรือผู้เข้าประมูลรายใดรายหนึ่งหรือหลายรายมีการได้เปรียบเสียเปรียบในการเสนอราคา
- ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม ด้วยความรับผิดชอบรอบคอบ ทุ่มเทกำลังกาย และกำลังความคิดในการทำงานโดยถือประโยชน์ของบริษัทฯ เป็นสำคัญ
- ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันหมั่นเพียร รวมทั้งแสวงหาแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงงาน ให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
- ใช้ทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่และดูแลมิให้เสื่อมเสีย สูญหาย อีกทั้งไม่ใช้ทรัพย์สินของบริษัทฯ โดยไม่เกิดประโยชน์แก่บริษัทฯ และไม่นำไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น
- ห้ามเข้าไปมีส่วนร่วมในการกระทำหรือปกปิดการกระทำใดๆ ที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทฯ หรืออาจทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ด้วยความยุติธรรม หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในการปกปิดการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย
- เสริมสร้างการทำงานเป็นทีมโดยให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เพื่อประโยชน์ต่องานของบริษัทฯ
- ผู้บังคับบัญชาพึงปฏิบัติตนให้เป็นที่เคารพนับถือของผู้ใต้บังคับบัญชาโดยทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี
- พนักงานพึงปฏิบัติต่อผู้บังคับบัญชาด้วยความเคารพ และปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานด้วยความมีน้ำใจและเคารพในศักดิ์ศรีของผู้อื่น
- เอาใจใส่และดำเนินการทุกอย่างที่จะรักษาความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน
- ห้ามใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการปฏิบัติหน้าที่ไปเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ
- ต้องรักษาความลับของบริษัทฯ โดยดูแลระมัดระวังมิให้เอกสารหรือข่าวสารอันเป็นความลับของบริษัทฯ รั่วไหลหรือตกไปถึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทฯ
- ละเว้นหรือหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นต่อบุคคลภายนอก หรือสื่อมวลชนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ โดยตนเองไม่มีอำนาจหน้าที่หรือเรื่องอันใดที่อาจกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของบริษัทฯ
- ไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการเรียกร้อง หรือรับสิ่งของ ของขวัญ ของกำนัลหรือผลประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่นที่มีหน้าที่หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ยกเว้นในโอกาสอันควรตามธรรมเนียมปฏิบัติโดยทั่วไป ซึ่งไม่ควรมีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท (สามพันบาท) หากไม่สามารถปฏิเสธได้ให้เปิดเผยและนำส่งของไว้ที่สายเลขานุการบริษัทและบรรษัทภิบาล
- ไม่นำผลงานของบุคคลอื่นมาแอบอ้างเป็นผลงานของตนเอง
- ไม่อาศัยตำแหน่งหน้าที่หรือแสวงหาประโยชน์เพื่อตนและผู้อื่นโดยมิชอบ
- ไม่กระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงของบริษัทฯ
- แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้บริหาร หากพบว่ามีการกระทำใดๆ โดยมิชอบหรือผิดกฎหมายในบริษัทฯ